สงครามโลกครั้งที่สอง ของ สึโตมุ ยามางูจิ

ยามางูจิกล่าวว่าเขา "ไม่คิดว่าญี่ปุ่นจะเป็นผู้เริ่มสงคราม" เขายังคงทำงานที่มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ แต่ภายหลังอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเริ่มมีปัญหาเพราะทรัพยากรเริ่มขาดแคลนและเรือบรรทุกน้ำมันจมน้ำ[4]

การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมะ

ยามางูจิเติบโตและทำงานที่นางาซากิ แต่ในฤดูร้อน ค.ศ. 1945 เขาเดินทางเพื่อธุรกิจเป็นเวลา 3 เดือนที่ฮิโรชิมะ[4] ในวันที่ 6 สิงหาคม เขากำลังเตรียมตัวออกจากเมืองพร้อมกับเพื่อนร่วมงานสองคน อากิระ อิวานางะ และคูนิโยชิ ซาโต และเดินทางไปที่สถานีรถไฟ ซึ่งรู้ตัวว่าตนลืมฮังโกะ (แสตมป์ที่พบได้ทั่วไปที่ญี่ปุ่น) และกลับไปที่ทำงานเพื่อหามัน[5][6] จากนั้น ในเวลา 8:15 น. ตอนที่เขากำลังเดินทางไปที่ท่าเรือ โบอิง บี-29 อีโนลาเกย์ ของสหรัฐได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลิตเติลบอย ลงห่างจากใจกลางเมืองเพียง 3 กิโลเมตร (1.9 ไมล์)[4][7] ยามางูจิหวนนึกว่าตนเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดและร่มชูชีพสองอันก่อนที่จะมี "แสงวาบบนท้องฟ้า และตัวผมก็ปลิวไป"[6] การระเบิดนี้ทำให้แก้วหูแตก, ตาบอดชั่วคราว และทำให้เขารับแผลไหม้จากรังสีอย่างรุนแรงในบริเวณท่อนซ้ายบนของร่างกาย หลังฟื้นตัวและพักผ่อนแล้ว เขาคลานไปที่หลบภัย และเดินทางหาเพื่อนร่วมงาน[6] ทั้งคู่รอดชีวิตและใช้เวลาทั้งคืนในที่พักพิงสำหรับการจู่โจมทางอากาศก่อนกลับไปที่นางาซากิในวันถัดมา[5][6] ที่นางาซากิ เขาได้รับการรักษาและไปทำงานต่อในวันที่ 9 สิงหาคม ถึงแม้ว่าตนจะเข้าเฝือกก็ตาม[4][8]

การทิ้งระเบิดที่นางาซากิ

ในเวลา 11:00 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐบ็อกสการ์ได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์แฟตแมนลงในเมือง เขากำลังอธิบายการระเบิดที่ฮิโรชิมะแก่ผู้ดูแล โดยอยู่ห่างจากกราวนด์ซีโร 3 กิโลเมตร แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด[7] ถึงกระนั้น เชาไม่สามารถหาเฝือกใหม่มาทดแทนและมีไข้สูงกับอาเจียนต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์[4]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: สึโตมุ ยามางูจิ http://www.nbcnews.com/id/34722073 http://www.vaguedirection.com/mr-yamaguchi/ http://naosite.lb.nagasaki-u.ac.jp/dspace/handle/1... http://mainichi.jp/select/wadai/news/20100106ddm04... http://hdl.handle.net/10069/33740 http://mak.bn.org.pl/cgi-bin/KHW/makwww.exe?BM=1&N... http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/8443295.st... http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/asia/a... https://www.nytimes.com/2010/01/07/world/asia/07ya... https://www.theguardian.com/world/2009/mar/25/hiro...